นับตั้งแต่วันที่ซื้อที่ดินผืนนี้มาจนถึงวันนี้ เคยคิดก่อนซื้อว่าเราจะทำไหวไหมไม่มีใครเห็นด้วยในการซื้อสักเท่าไร เวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบันมองสวน พชร แล้วคิดว่าสิ่งที่เราตัดสินใจเมื่อ3 ปีก่อนถูกต้องแล้ว สิ่งที่ตอกย้ำการตัดสินใจคือ ราคาข้าวของแพงขึ้นมาก ของกินเริ่มแพง มีคนเริ่มมองเห็นจุดที่ต้องผกผันชีวิตไปในแนวทางการเกษตรมากขึ้น กลับสู่ธรรมชาติ เมื่อตอนปี 2554 ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่าหลังจากน้ำท่วมภาคกลางในครั้งนั้น คนกรุงเทพเริ่ม หาที่ดินเพื่อการอยู่รอด การใช้ชีวิตแบบพอเพียง เราคิดก่อนพวกเขาเพียงแค่แป๊บเดียว ราคาที่ดินย่านหนองหญ้าปล้อง แพงขึ้นอย่างมาก อย่างน่าตกใจ ชาวบ้านขายที่ดินกันเป็นว่าเล่น กลับมามองสวน น้อยๆของเรา (น้อยสำหรับพื้นที่ แต่ในใจเรามันใหญ่มาก )พัฒนาไปตามเวลาที่เปลี่ยนไปอย่างยั่งยืน ถ้าถามว่าเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ไหม ต้องบอกว่า ผมเองเป็นคน ไม่ค่อยมีระเบียบแบบแผนเท่าไรนัก อยากปลูกอะไรก้ปลูก อยากสร้างอะไรตรงไหนก็ ทำเคยไปดูสวนเพื่อนๆ เขาแทบจะวัดด้วยไม้บรรทัดกันเลย กลับมามองของเรา แล้วนึกอายในใจ 55 แต่ทำไงได้เราก็คือเรา ตามสไตล์เรา จะให้เป็นระเบียบ แบบแผนค่อนข้างยาก ความเติบโตของสวนพชร ก็เป็นไปตามความพอใจ ตามกำลังทรัพย์ ที่มีไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากนัก มีเพื่อนสมัยเรียนหลายคนอยากทำอย่างผม ผมก้ไม่ได้ห้ามที่จะทำ อยากได้ที่ดิน แต่บางคนคิดเพียงแค่ว่าที่ดินเป็นทรัพย์สิน ซื้อเก็บไว้แต่ไม่เคยมาดูเลย เก็บเป็นทุนสำรองเอาไว้ยามแก่เฒ่า ผมว่าแบบนี้ก็ไม่ถูกต้อง แต่ก็คิดใครคิดมันเขาก็คิดของเขาแบบนั้น ผมได้เรียนรู้การอยู่กับพื้อนทีีที่ กว้างมากๆการทำงานการสร้างหรือ คิดจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถทำได้ง่ายนัก ทั้วสภาพภูมิประเทศที่แตกต่าง ลาดเอียง ทำให้การสร้างสิ่งปลูกสร้างอะไรแต่ละอย่างค่ินข้างลำบากกับการหาระดับมาก แต่ก็สอนให้เรารู้ว่า ต้องทำอย่างไรหาวิธีไหนในการทำเพื่อให้บรรลุผล งานที่ออกมาก็เป็นศิปะอย่างหนึ่งที่เราต้องใส่ใจในรายละเอียดพวกนี้ด้วย
สวนพชรจะยังคงก้าวไปข้างหน้า พัฒนาไปสู่การพึ่งพาตนเองให้ได้ ทั้งจากการขายของผ่านเวป หรือ การเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอยู่แบบ พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด ความรู้ และ ประสบการณ์ต่างๆที่ถ่ายทอดผ่านเวปแห่งนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย หรืออาจจะทำให้ใครที่หาหนทางเเห่ง การหลุดจากวังวนของ มนุษย์เงินเดือน ได้แนวคิดในการทำงานและหาทางออกในการ มุ่งสู่ชีวิตแบบ เกษตรที่พึ่งพาตนเองได้ อีกอย่างที่ผมได้ข้อคิดระหว่างการเดินทาง ไปกลับสวนพชร ทุกวันอาทิตย์ ผมมักจะแวะปั้มน้ำมัน เสมอ มีอยู่ปั้มหนึ่งที่ผมแวะน้อยมาก ปั้มที่มีคนเยอะๆ ผมได้เห็นว่าคนไทยเราเองแม้ไปเที่ยวก็ไม่ได้นำเงินเที่ยวกระจายสู่ชุม ชนมากนัก ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั้ม ขายดีมาก คำถามคือ มันต่างอะไรกับการอยู่ที่บ้านเหรอ ที่แวะและทานอาหารในร้านแบบนี้ ในความคิดผม ก๋วยเตี๋ยวสักชามที่เป็นคนท้องถิ่นขายยังคือกำไรให้สู่ชุมชนมากกว่าในร้านสะดวกซื้อ ก็ไม่อยากวิจารณ์มากเดี๋ยวเขาจะฟ้องเอา มองๆๆดูแล้วยังเกิดคำถามว่าเด็กสมัยนี้ยังทานข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นไหม คิดอะไรขำๆๆ
รูปภาพการทำงานความคืบหน้าของแต่ละขั้นตอนในการทำสวนสร้างสิ่งปลูกสร้างอะไรก็แล้วแต่ในสวนพชร ล้วนเป็นไอเดีย ที่นำไปต่อยอด และนำไปประยุกต์ใช้ ทำเองลดการพึ่ง การจ้างลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การซ่มแซม ดัดแปลง ต่อเติม สามารถเริ่มทำได้เองฝึกและทดลอง พ่อ ผมท่านสอนเสมอว่าเราทำเองใช้เอง ไม่สวยงามใช้ได้ก็บ้านเราเอง ผมจำได้เสมอ และผมก็ชอบที่จะทำเอง ทำหลายๆอย่างเอง
หลายอย่างรอบข้างตัวเราเปลี่ยนไป ที่ดินแปลงด้านข้าง บ้านสวนพชร เปลี่ยนมือไปหลายเจ้ามาก ล่าสุดก็มีครอบครัวหนึ่งมาซื้อ ต่อจากเจ้าที่2 เพราะเจ้าแรกที่ซื้อแบ่งกัน ครอบครัวนี้ก็ดีครับน่ารักดี แต่ในความคิดผมก็อย่างที่ผมเคยเขียน ในหลายๆบล็อกว่า สวนตามความคิดของคนกรุงเทพ คือ ต้องเตียนโล่ง ไม่มีหญ้าหรือมีให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมว่าในความคิดนั้นก็คือ สนามกอล์ฟเลยนะ เรามาสวนควรมีกิจกรรมมากมายกว่าการตัดหญ้าและรดน้ำ ต้นไม้นะ ก็นานาจิตตังครับ ใครชอบไรรักไรก็ทำกันไป ผมว่า อย่าทำสวนให้เป็นภาระ เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะเป็นทุกข์มากกว่าสุข ถ้าเป็นเช่นที่ผมบอกก็จะเบื่อ และความคิดที่จะขายก็แว๊บ ขึ้นมาในสมอง ก็ไม่อยากให้เปลี่ยนมืออะครับ เพื่อนบ้านดีๆๆหายากนะครับ
มามองทิศทางด้านการเกษตร กันหน่อยผมว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตอนนี้มีแต่โฆษณา ปุ๋ย กับ รถไถนะ และที่เน้นมากที่สุดคือ การบำรุงต้นยางพารา ผมว่าอะไรที่ปลูกกันเยอะมาก ไม่นานคงกอดคอกันแย่ครับ ราคายางถ้าต่ำลงก็แย่นะ เพราะเกษตรกรต้องกินต้องใช้ ข้าวของราคาแพงมาก ไปตลาดนัดทั้งทีกำตังค์ไป 300 ไม่ได้อะไรกลับมาเท่าไรครับตอนนี้ที่อีสานมีการปลูกยางเยอะมาก ตอนนี้ยังอาจจะไม่เห็นอะไรมากนัก แต่เมื่อทุกคนที่ปลูกตอนนี้ได้น้ำยางพร้อมๆกัน คราวนี้แหละครับเป็นโอกาศทองของพ่อค้าที่รับซื้อเลยเพราะผลผลิตมากแปรรูปเองก็ไม่ได้ ผมว่าไม่นานเกินรอก็จะได้เห็นม็อบสวนยางภาคอีสาน สิ่งที่ทุ่มลงไปตลอด 5-7 ปีกว่าจะกรีดได้เงินทั้งนั้นเมื่อถึงเวลาได้ผลผลิตกลับไม่คุ้มกับที่ลงทุนไป อีกอย่างเมื่อปลูกยางก็อาจจะทิ้งอาชีพอื่นหมดแล้ว แล้วจะกลับไปทำอะไรละครับคราวนี้
ในมุมมองความเปลี่ยนแปลงไปของสังคมไทย ตอนนี้ การส่งลูกหลานมาทำงานในกรุงเทพ ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไปปัจจุบันการมาทำงานกรุงเทพเปลี่ยนไปอยู่ยากมากขึ้นสิ่งที่ล่อตาล่อใจคอยจะทำให้เราควักเงินในกระเป๋ามีมากขึ้นจริงๆๆ โทรศัพท์ตอนนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง อ้อจะพูดว่าเป็นปัจจัยหนึ่งไม่ได้ต้องพูดว่าเป็นปัจจัยหลักเลยทีเดียว ต้องเป็นสมาร์ท โฟน ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน เอส 3 เอส4 อะไรพวกนี้มาทำงานกันหมดไปกับเรื่องพวกนี้เยอะมาก จะเหลือเท่าไรที่ส่งกลับไป ที่บ้านต่างจังหวัด หรือถ้าเหลือส่งไปเยอะจริง แต่คนที่อยู่ที่กรุงเทพแทบแย่เลย อีกเรื่องที่สำคัญมากคือ รถ เนี่ยแหละสำคัญมากผมเห็นหลายคนซื้อมาเพราะอยากมีเหมือนเขาอยากขับรถกลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่พร้อมที่จะมีในตอนนที่เพิ่งเริมทำงาน แต่ก็มีกันแล้ว สตาร์รถเมื่อไร คือเสียเงิน นะครับค่าน้ำมัน ค่าเสือม ค่ากินของคนที่ออกไป การเดินทางไปสวนทุกอาทิตย์ทำให้ผมเห็นเรื่องพวกนี้เยอะมากตามปั้มน้ำมันที่ผมแวะไป บางคนมาเป็นคู่หน้าตายังเด็กอยู่เลยมีรถขับเที่ยวแต่ก็เนอะอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป แต่ตอนนี้ที่ แน่นอนคือ ที่บ้านต่างจังหวัดบางครั้งต้องส่งเงินมาให้ลูกหลานกันด้วย กลับไปครั้งหนึ่ง ก็ขนข้าวสารกลับมาด้วยประหยัด ความไม่พร้อมในการมีรถนำมาซึ่งปัญหาหลายอย่างครับไม่ว่าจะเป็นที่จอด เพราะบางคนบ้านยังไม่มีอยู่หอ เมื่อรถหายก็เดือดร้อนวันหยุดก้อยู่ไม่ติดบ้านกัน ออกเที่ยวทำให้การจราจรติดขัดมากในสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆๆ
วันนี้ได้มีโอกาสจับคีย์บอร์ดเขียนเรื่องราวของสวนพชร ภายหลังระยะเวลาที่ได้บุกเบิกทำสวนมาเป็นเวลาประมาณ 5 ปีแล้วความคืบหน้าก็ดำเนินการไปตามสภาพการเงิน และ ความพร้อมเรื่องเวลา สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือเพื่อนใหม่ บ้านข้างเคียงมีความแตกต่างกันทางความคิดและการทำงาน บางครั้งผมมองว่าการมาทำสวนไม่ได้มาทำให้หญ้าหายรก แต่เป็นการฝึกการมองโลกในหลายมุม ออกมามองแบบวงกว้าง หลายคนที่ออกมาแล้วผันตัวเองไปเป็นนายหน้าขายที่ดิน อันนี้บ้านสวนพชรก็ไม่ทำเช่นกันครับ เพราะไม่ใช่แนวทางการเกษตรแบบบ้านสวนพชรของเรา เราอยากอยู่บนความสบายใจ ครอบครัวผม ชอบความเงียบสงบ ในที่นี้หมายถึง สงบจริงๆนะครับดูทีวี อ่านหนังสือ คุยกันทำอาหารทานก็มีความสุขมากแล้วเราไม่ได้เป็นครอบครัวที่ผู้นำครอบครัวต้องดูบอล ต้องทานเบียร์ขณะที่ไปทานข้าวกับครอบครัว หรือ ต้องตั้งวงตอนเย็นทุกวัน แบบนั้นเราก็ไม่นิยมผมไม่ได้เลี้ยงลูกมาแบบนั้น และไม่เคยทำแบบนั้นเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกเห็น สังคมไทยเรา ยังผูกติดกับการดื่มแต่การดิ่มแตกต่างจากที่สังคมอื่นมากเวลาคนไทยดื่มต้องออกมาโชว์ภายนอก ข้างถนน หน้าบ้าน 555 จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องของเขานะ แล้วผมจะมาพูดทำไมเนี่ย มาคุยเรื่องสวนพชร ต่อดีกว่า การก้าวผ่านกาลเวลามาได้เห็นอะไรมากมาย ทุกข์สุดก็เรื่องการเสียแม่ผมไปแบบที่ไม่คิดมาก่อนว่าท่านจะไปเร็วขนาดนั้น พ่อเสียไปได้ไม่นาน แม่ก็เสียตามไปอีก ห่างกัน 2 ปีเองแต่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเราต้องอยู่กันโดยลำพัง สวนพชรต้องก้าวต่อไป ต้องก้าวไปสู่การทำเกษตรแบบยั่งยืน การทำสวนแบบพึ่งพาตนเอง ปัจจุบันสวนเราก็เป็นศุนย์การเรียนรู้เล็กๆ ก็ว่าได้นะครับเพราะเราทำอะไรก็เป็นตัวอย่างไม่มากก็น้อย ในละแวกบริเวณนั้นทุกคนได้เห็น ผลงาน ที่เกิดจากความพยายาม อยากให้หลายคนได้เห็นและดึงศักยภาพของตัวเองออกมา ลองทำดูบ้างแทนการจ้าง แทนการเหมา แทนการสั่งให้คนอื่นทำ แล้วจะรู้ว่าความภูมิใจเป็นอย่างไร ตอนนี้หลายคน หลายที่ได้ทิ้งที่ดินของตนเองก็ว่าได้ ก็อย่างว่าแหละนะที่ดินถือเป็นทรัพย์สิน เขาคงทำไม่ไหว จริงๆๆหรือไม่สู้ก็ใครจะรู้หละนอกจากพวกเขาเอง บางคนทำงานในองค์กร ของตัวเอง เป็วิศวกร เป็นหัวหน้า เป็นผู้จัดการ เป็นอธิบดี เป็นอาจารย์ ทุกคนคิดว่าใหญ่ เก่งสุดแล้วในองค์กรของตน แต่เขารู้หรือไม่ว่าถ้าเขาออกมาข้างนอก ออกมาฟันดิน ตากแดด หาทางแก้ปัญาเชื่อผมเหอะเมื่อนั้นเขาจะรู้ว่าเขาเล็กเท่าก้อนกรวด เม็ดทรายเอง
วันนี้วันที่ 10 /10 /2557 วันนี้สวนพชรก็เข้าสู่ปีที่5 แล้วถ้าจำไม่ผิด ความเปลี่ยนแปลงของสวนก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้นเป็นสวนมากขึ้น สงบ ร่มเงามากขึ้นด้านสังคมรอบข้างก็ดีมากขึ้น กล้วยเริ่มเต็มสวนมากขึ้นออกลูกให้ได้กินได้ขายแบบพอเพียง ส่วนหน้าเวปก็ได้ดีมากขึ้นทุกวันกระดานซื้อขายก็คึกคักมากขึ้นเป็นที่รู้จักมากขึ้นมีคนเข้ามมากมายลูกค้าประจำก็มาก สวนเราไม่ได้ขายของเพื่อต้องการรวยเราขายเพื่อเป็นอาชีพเสริมและช่วยทำให้คนที่เป็นโรคต่างๆได้ทุเราจากสมุนไพรในสวนเรามันเป็นความสุขเล็กๆน้อยที่ทุกคนสามารถทำได้นะ ไม่ต้องมีที่ดินมากมายก็สามารถสร้างความสุขให้ครอบครัวได้ ไม่ต้องอยู่กับชาวบ้านที่สังคมแบบเดียดฉันท์ กันแข่งกันให้ร้ายกัน เราพยายามจะหลีกจากสภาพสังคมแบบนั้น เรามีน้อยก็ใช้น้อย เราทำอาหารกินกันเอง ตอนนี้ครอบครัวเราไม่มีทั้ง แม่และ พ่อ แต่ผมก็ยังมีพี่สาวที่ทำกับข้าวและนิสัยเหมือนกันคือชอบทดลองโน่นี่ นั่นเช่นการทำอาหารการดัดแปลงอาหาร การทำขนมการทำน้ำผลไม้ อะไรอีกมากมาย ผมว่าสวนพชรใกล้มาถึงจุดที่คทำได้ตักตวงความสุขความสบายจาก สิ่งที่ลงแรงทำไป มีน้องที่ซื้อที่ใกล้กันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะไม่มีเวลา และวิชาติดตัวก็มีน้อยซะเหลือเกินทำให้การจัดการอะไรหลายอย่่างไม่ดีเท่าที่ควร
อุปสรรคมีมากมายเหลือเกิน ส่วมากก็เกิดจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ไม่สามารถกำหนดได้ติดขัดสิ่งที่รัฐวิสาหกิจอ้างว่าเป็น ระเบียบ เนื่องด้วยสวนพชรก็ก้าวหน้าไปตามลำดับ แต่ขาดไฟฟ้าล่าสุดที่ผมไปขอไฟฟ้า เกษตรที่การไฟฟ้าหนองหญ้าปล้อง ผมก้ไม่เข้าใจว่าอยู่เมื่องไทยแท้ๆคิดดี ทำดีแต่ไม่มีใครสนใจไม่มีใครอำนวยความสะดวกอ้างโน่นนี่นั่น กันมากมาย โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ถุกแปรรูป ขอไฟฟ้าเกษตรก้ไม่ได้ ไปยื่นเรื่องมาเมื่อวันที่ 20/2/58 คนรับเรื่องที่การไฟฟ้าหนองหญ้าปล้อง จ. เพชรบุรี บอกให้เอาเสามาปักเตรียมรอไว้เลย เตรียมสายเดินรอไว้เลย ผมก็จัดการตามนั้นพอกลับมากรุงเทพ วันจันทร์ที่ 23/2/58 เจ้าหน้าที่โทรมาว่าที่ดินของพี่ขอไม่ได้ตรงที่จะเอาลงไม่มีสายแรงต่ำ (ชาวบ้านต้องรับรู้ด้วยว่าต้องมีสายแรงต่ำแรงสูง ) ต้องทำการขยายเขตซึ่งเงื่อนไขการขยายเขตกว่าจะได้ใช้ไฟฟ้าของรัฐ ประชาชนต้องจ่ายเงิน ประเมินมาเป็นเงิน 56000 บาทโดยประมาณ นี่หรือสิ่งที่การไฟฟ้าบอกว่าจะให้ใช้ไฟฟ้า อีกอย่างพอเป็นแบบนี้ก็ไม่มีมาตรการอะไรเลยในการรองรับเรื่องนี้ ให้ไปยื่นเรื่องที่ อบต เขียนคำร้องผมย้อนถามกลับว่าทำไมต้องให้ยุ่งยากขนาดนั้นในเมื่อเราไปทำเรื่องที่การไฟฟ้าแล้วทำไมไม่หาช่องทางดำเนืนการ ให้เลย เนี่ยแหละนะ เป็นการผลักดันให้คนที่ทำดีคิด ติดลบขึ้นมาทันที ผมหละท้อใจกับเรื่องนี้มาก ไม่รู้ว่าจะมีหน่วยงานไหนยื่นมือเข้ามาช่วยได้บ้างต้องรอไปนานแค่ไหน กว่าจะมีคนมาปลูกบ้านแล้วขยายเขต ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมาก
สวัสดีครับ ต้องขอบอกก่อนนะว่าตอนนี้ บล็อค ที่เขียนในเวปบ้านสวนพชรแห่งนี้ครบ 1000 บล็อค พอดี เป็นเรื่องที่ยากมากนะที่เวปหนึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานอะไรทั้งสิ้น แต่กลับอยู่มาจนเข้าสู่ปีที่ 6 ผ่านเรื่องราวยากลำบากมากมาย ล้มลุก มาก็หลายครั้ง ทางเดินไม่มีทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่โรยด้วยต้นโคกกระสุน จนมาวันนี้ผมได้พบเพื่อนทำสวนมากมาย ผ่านปีที่น้ำท่วมหนักสุด 2554 จนมาปีนี้แล้งสุด 2559 ปีที่ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนบ่นว่า ร้อนๆๆๆ วันเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้เราแกร่งขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย เพื่อนที่ทำสวนด้วยกันตอนนี้แทบไม่มีแล้ว ปัจจุบันคนที่ไปซื้อแบ่งด้วยกันก็หายหน้า หายตาไปกันหมด จะมีไฟก็มีเพียงคนเดียว พี่ไพโรจน์ ผลจากากรทดลองปลูกพืชหลายชนิด พืชที่ทนได้ดีที่สุดคือ มะม่วงครับ ต้องเป็นมะม่วงจากเมล็ดอย่างเดียวเท่านั้น เพราะติดตา ต่อกิ่ง ตอนกิ่งอะไรไม่รอดทั้งนั้น ถ้าจะทำอะไรให้มีแรงจูงใจ ไม่หมดกำลังใจไปซะก่อน คงต้องปลูกมะม่วงครับ ถ้าคิดอยากปลูกแบบที่อยากทานอะไรก็เอาไปปลูก คงหมดกำลังใจก่อนแน่ๆๆ เพราะว่า ทุเรียน มังคุด พี่คนที่อยู่ข้างสวนเอามาปลูกตายเรียบ ที่รอดนะ มะม่วง สะเดา เวปแห่งนี้ผมว่ามันคงแฝงไว้ด้วยสาระบางอย่างไม่มากก็น้อยกับสิ่งที่ผมพยายามทำเป็นตัวอย่างในการทำงาน การทำงานคนเดียว การฝึกทักษะงานช่างต่างๆ อยากให้หลายคนเข้ามาดูได้รู้ว่า เกษตร ไม่ง่ายและไม่ยากนะ แต่ไม่ใช่ฝันหวานวาดมโนภาพกันไป ว่าต้องร่มรื่นอย่างคนที่เขาอยู่ตลอด ทุกวัน คนเรามักมองผลสำเร็จของใคร แล้วเอามาฝันต่อ แต่ไม่มองวันที่เขาไม่มีอะไรกว่าจะก่อร่างสร้างมาได้ จะยากขนาดไหน และถ้าเราไปยืนจุดนั้นจะแกร่งพอไหม ที่จะมาถึงจุดที่เราว่าสวยงาม น่าอยู่ การพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด การเบียดเบียน ธรรมชาติให้น้อยที่สุด และไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติรอบตัว การเผาถ่าน การทำเครื่องมือเครื่องไม้ใช้เอง การหาวัตถุดิบจากธรรมชาติมาประกอบ กัน อันนี้คือสิ่งที่ผมพยายามจะให้คนทั่วไปได้รับรู้ ว่าเราสามารถพึ่งตนเองได้นะ ทุกวันอาทิตย์ผมจะพยายามทำถ่านใช้เองจากไม้ที่มีอยู่ในสวนมากมาย เปลี่ยนแปลงมาเป็นพลังงาน เอามาใช้หมุนเวียนโดยไม่นำเชื้อเพลิงจากภายนอกเข้ามาไม่ต้องซื้อ ให้เปลืองเงินหรือวัสดุเหลือใช้ ที่ไม่เป็นที่ต้องการของใครแล้ว เราสามารถน้ำมาดัดแปลงทำอะไรใช้ประโยชน์ได้มากมาย เป็นตัวอย่างให้ใครที่แวะเวียนเข้ามาได้รับความรู้ ไอเดียร์
4/8/2559 มาถึงวันนี้สวนพชร ก้าวไปสู่การพึ่งพาตนเองได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การค้นหาและทดลองเพื่อ การพึ่งพาตนเอง ตอนนี้เราได้เรียนรู้ว่าการเผาถ่านสามารถทำได้ไม่ยาก และ ทางสวนเราได้ทำให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งของเหลือใช้ทั้งหลายสามารถนำมาทำให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย ถ่านกะลาเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เราสามารถทำได้และไม่ยากเลยที่เราจะทำมัน การหาพลังงานหมุนเวียน ในสวนเราเองการสมดุลย์ พลังงาน สมดุลย์ มวล เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องคิด วันนึง ไม่มีไฟ้ฟ้า ไม่มีคนส่งแก๊ส จะทำยังไง อันนี้อาจจะคิดไกลเกินไปนะแต่มันเป็นสิ่งที่ต้องคิด ไม่มากก็น้อย เวปบ้านสวนพชรเป็นเวปเปิดทีทุกคนเข้าไปหาความรู้ได้มากมาย แต่จะหาความเป็นระเบียบเรียบร้อยจากสวนพชรคงยากหน่อยนะ อิอิ เพราะพี่สาวยังว่ามีกี่ไร่ก็ไม่พอนะ แค่นี้ก่อนไว้จะมาเพิ่มเติมใหม่นะ
31/10/59
การเกษตรในความหมายของผมคือการออกมาใช้ชีวิตแบบ ธรรมชาติที่สุดพึงพาตนเองให้มากที่สุด ทุกอย่างสามารถทำได้อะไรที่ทำเองใช้เองได้ดีที่สุด อาจจะไม่ต้องถึงกับทุกอย่างแต่ ให้ลดรายจ่ายให้ได้มากที่สุด แล้วผู้ที่ทำเกษตรเป็นเหมือนบ้านตากอากาศหละผิดไหม ไม่ผิดนะแต่ต้องไม่มากเกินไปมากในที่นี้หมายถึง ใช้เงินมากเกินความจำเป็น แต่ต้องพกความรู้มาให้มาก เพราะการดำเนินชีวิตภายนอกไม่เหมือนในเมือง เราต้องหัดทำกับข้าวทานเองผักผลไม้ต้องยอมรับที่รสชาตแบบไม่ใส่ปุ๋ยบาง เพราะฉะนั้นก่อนออกมาก่อนซื้อที่ดินคงต้อง วอร์ม ร่างการนิดนึง ว่ารับสภาพแบบนั้นได้ไหม