ที่อยากเขียนหัวข้อนี้เพราะต้องการจะสื่อให้ใครต่อใครเห็นว่าการเเย่งชิงพื้นที่ของมนุษย์ ใช้คำว่าคนดีกว่า มันคือยังไง เรามองเห็นแต่การเแผ้วถางป่าเรา มองเห็นการปลูกพืชทางเศรษฐกิแล้วเราบอกว่านี่คือการรุกที่ของคน แต่ผมอยากจะบอกว่ากิจกรรมของคนที่แสดงให้เห็นถึงการ แผ่ยึดพื้นที่ที่เป็น ของสัตว์ คือการเดินเข้าไปด้วยเท้านี่แหละ การใช้น้ำหอมกลิ่นต่างๆที่ไม่ได้เป็นกลิ่นจากธรรมชาติ นี่แหละคือการทำลายหรือรุกล้ำที่เป็นอย่างดีเลย จากการเรียนรู้และทดลองกิจกรรมของคนเช่นการก่อกองไฟ การทำอาหาร การเดิน ล้วนแต่ผิดจากธรรมชาติที่เคยเป็นทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการ ล้ำเข้าไปไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า ไม่ต้องมีประปา มีเพียงสองเท้า สองมือ และ มีด
เมื่อเราบุกเบิกที่ใดก็แล้วแต่ถ้าไม่อยากให้สัตว์เข้ามาใกล้ที่พักพิงเรา ก็แค่ปลูกเพิงที่พัก และ ทำกิจกรรมต่าง เผาถ่าน อาบน้ำ พวกนี้พูดถึงกิจกรรมพื้นๆทั่วไปนะ แต่ถ้ามากกว่านั้นคือการ นำรถยนต์ เครื่องยนต์ มอเตอร์ไซด์เข้าไปได้ น้ำมันเครื่องเพียงหยดเดียว กลิ่นอาจโชยไปไกลมาก ไหนจะน้ำมันเชื้อเพลิงอีก
ในทางกลับกัน ถ้านำกลับมาใช้สำหรับการทำไร่ ทำสวนนี่แหละคือการขยายขอบเขตป้องกันภัยของคนเป็นอย่างดี สัตว์ไม่ว่าจะมีพิษหรือไม่มีพิษ พื้นฐานคือ ไม่ต้องการเข้ามาในเขตมนุษย์อยู่แล้ว ที่ไหนมีกิจกรรม พวกนี้มันไปไกลลิบลับ ผมต้องการให้เห็นว่า เรามีเกราะป้องกันอยู่แล้ว (สัตว์มันเกลียดเราโดยพื้านฐาน ) แต่อาจจะมีสัตว์บางพวกที่ชอบกิจกรรมมนุษย์ และแอบอิงเข้ามา เช่น หนู นกพิราบ นกกระจอก จิ้งจก ตุ๊กแก สำหรับคนที่จะไปบุกเบิกในการทำสวน ถ้าเจอพวกนี้แล้วกระโดดหนีเลย ผมว่าต้องฝึกที่จะยอมรับอยู่กับพวกมันแระ และต้องเริ่มแต่เนิ่นๆ เลยที่เดียว
ลองคิดเล่นๆไปถึงกิจกรรมที่สงเสริมการท่องเทียวเช่น ทางเดินชมธรรมชาติ หรือ ทางศึกษาธรรมชาติ ล้วนแต่ทำลายสิ่งที่เป็นธรรมชาติทั้งนั้นแต่มันต้องจบโดยว่าจะเลือกให้ประชาชนมีรายได้หรือไม่
อีกอย่างที่เป็นการบุกรุก สิ่งที่เราเรียกว่าป่า บางคนเห็นเขียวเรียกว่าป่า พอเขาโล้นเรียกแล้ง บางที่ มันเป็นแบบนั้นเอง ไม่ใช่เขาต้องมีต้นไม้เยอะแยะไปหมด การปลูกป่าในสายตาผมคือ การไม่เข้าไปกวนกับระบบนิเวศที่กำลังจะเกิดใหม่ และบอบบาง การจับต้นไม้ไปเข้าแถว ไม่ใช่ป่านะ การกำหนดชนิดต้นไม้ไปปลูก ไม่ใช่ปลูกป่านะ ป่าประกอบด้วยหลายอย่าง ไม้ใหญ่ ไม้เลื้อย ไม้ที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต ปลูกแต่ยางนา สัก ตะเคียน แล้วหมูป่าจะกินอะไร ทำไมไม่ปลูกไผ่บ้างปลูกกล้วยป่าบ้าง
ผมเองก็ไม่ได้ไปปลูกป่าหรอก แต่ผมเห็นจากสื่อแล้วทำให้ผมคิดว่า การปลูกป่าคืออะไร หน่วยงานของรัฐทำอะไร การวิเคราะห์ว่าป่าตรงนั้นคือป่าอะไร ก่อนการปลูกป่าควรศึกษาก่อน หรือ ไม่ว่าอาณาบริเวณนี้มีต้นอะไรบ้างที่พบได้ในหนึ่งตารางกิโลเมตร แล้วมาทำแบบจำลองก่อนจะลงมือว่าควรปลูกอะไร
การบุกเบิกเพื่อหาที่ทำกิน กับการรักษาผืนป่าหรือที่สาธารณะ ในทุกพื้นที่มีความแตกต่างกัน มากทุกคนมีความต้องการไม่สิ้นสุด ปัจจัยต่างๆก็มีมากมายในสังคม บ้านใหญ่โต ลูกเรียนโรงเรียนดังมีรถขับไหนไหนมาไหน ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อแพง ถ้ากำหนดว่า 15 ไร่ พอทำกินสำหรับอาชีพเกษตรกร หรือ 10 ไร่ หรือ 5ไร่ ไม่มีใครตอบได้ว่าตัวเลขควรเป็นเท่าไรแต่ การที่คนเราจะมองช่องทางที่เรียกว่าพอเพียงผมว่ามันน้อยเสียเหลือเกินในปัจจุบัน ไม่อยากโทษสังคมนะ แต่ก็มีส่วนที่ทำให้เป็นเช่นนั้น คราวนี้มามองถึงการเปลี่ยนอาชีพผันตัวเองจากอาชีพหนึ่งมาเป็นอีกอาชีพหนึ่ง สามารถทำได้ ผมว่าหลายคนที่ทำงานกินเงินเดือนอยากทำเกษตร แต่ ปัจจัยทุกคนจะมองเห็นสิ่งอื่นมากกว่าการทำเกษตรเสมอ เราจะมองว่าต้องหาที่ดินซึ่งครั้งหนึ่งผมก็เคยเป็นเช่นนั้น และส่วนมากก็จะคิดว่าถึงทำสวนไม่ได้แต่เราก็ยังมีหลักทรัพย์ไว้ให้ลุกหลาน นี่คือสิ่งที่มาบังตาพวกเราและเราก็มักจะโกหกตัวเองว่าอยากได้ที่ดินทำเกษตร ไม่มีที่ก็ทำไม่ได้ เราหลอกตัวเองตลอด ผมคิดว่าที่ดินตอนนี้หลายที่จากแปลงใหญ่ถูกซอยลงให้เหลือที่จัดสรร เพื่อทำเกษตร บ้างก็ไปถึงฝั่งฝันสมดั่งตั้งใจ บ้างก็มีม่านบังตาท้อแท้กับโชคชะตาพาเลิกลาไปก่อน
อ่านข่าวการไล่ชาวกระเหรี่ยงออกจากพื้นที่ บ้านบางกลอยแล้วหดหู่นะ โจทย์ของรัฐคือจะทำไงให้คนอยู่กับป่าและให้คนรักป่า ยากนะ เมื่ออุทยานมาประกาศหลังจากที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ ทำกินกันมาเนิ่นนาน ทำไมเขื่อนเวลาจะสร้างเขื่อนทำได้ เพราะเมื่อเป็นเขื่อนพื้นที่นั่นจมน้ำไปเลย การเวณคืนต้องคำนึงถีงวิถีชีวิตด้วยว่าเดิมทำอะไรกันยังไง แถวละแวกสวนพชรก็มีชาวกระเหรียงอยู่ไม่ใช่น้อย ไททรงดำด้วย มีหลายชนเผ่านะ แต่ตอนนี้กลมกลืนกันไปหมด ไม่เหมือนกับที่แก่งกระจานผม จะติดตามต่อว่าจะเป็นยังไงกันต่อไป
การเกษตรกับการปฎิรูปที่ดิน มันเดินไปด้วยกันไหม การมอบที่ดิน สปก4-01 ให้กับชาวบ้านเพื่อทำกิน กับการเดินหน้าเพื่ออกเอกสารทำกินให้ชาวบ้านได้ทำกินยันลูกหลาน ก็เป็นหนทางที่ดีนะแต่การทำแบบนั้น มันยั่งยืนหรือไม่ในขณะที่ การปฎิรูปที่ดินมุ่งแต่จะทำให้เสร็จไปข้างหน้าที่ดินที่ครบอครองต้องออกเอกสาร แต่สิ่งที่ทำไปแล้วที่ดิน สปก ที่ออกไปแล้วชาวบ้านไม่ทำกินขายให้กับคนอื่น คนอื่นเข้าไปทำกินโดยไม่ได้เป็นชื่อของตนเองเป็นผู้ครอบครองมันวุ่นวายนะเพราะการซื้อขายมันทำได้ตราบใดที่เป็นการตกลง พอใจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย จะซื้อขายที่ไหนได้หมด ผมคิดว่า สปก ทำการจัดสรรที่ดินเสร็จคงต้องย้อนมาดูนะว่าผู้ที่ครอบครองทำจริงไหม จะออกเอกสารให้คนทำรายใหม่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ต้องคิดนะ